|
|
|
|
หลวงปู่บุดดา ถาวโร
(๒๔๓๗ - ๒๕๓๗)
วัดกลางชูศรีเจริญสุข ตำบลพักทัน อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี |
|
|
|
|
|
นามเดิม |
|
บุดดา มงคลทอง |
|
|
เกิด |
|
วันเสาร์ ที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๗ ในแผ่นดินรัชกาลที่ ๕ |
|
|
บ้านเกิด |
|
บ้านหนองเต่า ตำบลพุคา อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี |
|
|
บิดามารดา |
|
นายน้อย และนางอึ่ง อาชีพทำนา |
|
|
พี่น้อง |
|
มีพี่น้อง ๗ คน |
|
อุปสมบท |
|
อายุ ๒๘ ปี ๒๔๖๕ ที่วัดเนินยาว ตำบลโพนทอง อำเภอบ้านหมี่ ลพบุรี โดยพระครูธรรมขันธสุนทร (ม.ร.ว. |
|
|
|
เอี่ยม) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายา ถาวโรภิกขุ |
|
|
เรื่องราวในชีวิต |
|
ท่านมีความพิเศษต่างจากคนอื่น คือสามารถระลึกชาติได้ตั้งแต่เด็ก รู้ว่าบิดานั้นเคยเป็นพี่ชายของท่านในชาติก่อน |
|
|
|
|
ในวัยเด็กไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะในระแวกบ้านไม่มีโรงเรียน โตขึ้นจึงช่วยบิดามารดาทำนา เมื่ออายุ ๒๑ ปี ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารสังกัดกองทัพบก ที่ศูนย์การทหารปืนใหญ่ลพบุรี มีโอกาสได้เรียนอ่านเขียนหนังสือที่นั่น เมื่อพ้นทหารในปีต่อมา ยังต้องอยู่ช่วยทางบ้าน ทำนาอีก ๖ ปี จึงได้บวชสมความตั้งใจ
ระหว่างจำพรรษาที่วัดเนินยาว พยายามตัดความอยากได้อยากมีอยากเป็นพร้อมกับปฏิบัติธรรมจนชำนาญ พอออกพรรษาก็ออกธุดงค์ไปถึงหนองคายโดยไม่มีมุ้งไม่มีกลด พรรษาที่สองธุดงค์ไปในป่าดงทึบจังหวังเพชรบูรณ์ ข้ามไปฝั่งลาว ได้พบโครงกระดูกของท่านที่ถูกฝังไว้ในชาติก่อน ในพรรษาต่อมาเดินทางข้ามไปเวียงจันทร์ ได้พบวัดที่ท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสติดต่อกันถึงสามชาติ หลังออกพรรษาได้ออกธุดงค์บริเวณเทือกเขาภูพาน ได้พบ หลวงปู่สงฆ์ พรหมสระ ซึ่งระลึกได้ว่า เคยเป็นบิดาของท่านเมื่อชาติก่อน
หลวงปู่บุดดา และหลวงปู่สงฆ์ได้ธุดงค์ด้วยกันมาจนถึงถ้ำภูคา ตำบลหัวหวาย ตำบลตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นที่สงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม แล้วท่านทั้งสองก็บรรลุธรรม ที่ถ้ำภูคาในปีนั้นเอง
ในปี ๒๔๗๖ พรรษาที่ ๑๐ ญาติโยมได้นิมนต์ท่านจำพรรษาที่วัดราชาธิวาส กรุงเทพฯ และในพรรษาต่อ ๆมาก็ได้ไปจำพรรษาอีกหลายแห่งในหลายจังหวัด ทำให้ได้พบและสนทนาธรรมกับพระอริยสงฆ์ที่โด่งดังอีกหลายท่าน จนในปี ๒๕๒๒ หลวงปู่เย็น ทานรโต เจ้าอาวาสวัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี ได้นิมนต์ท่านปำพรรษาที่วัด นั้นเป็นต้นมา หลวงปู่ บุดดาได้ช่วยพัฒนาวัดกลางฯ ให้เจริญก้าวหน้าขึ้นมาตามลำดับ
แม้ในวัยชราหลวงปู่บุดดาก็ยังคงให้ความอนุเคราะห์แก่ญาติโยมที่มานิมนต์หรือมากราบนมัสการด้วยดีเสมอมา จนกระทั่งต้นปี ๒๕๓๖ ท่านได้อาพาธกะทันหันด้วยเส้นโลหิตในสมองอุดตัน ต้องรับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่นั้นมา |
|
|
มรณภาพ |
|
วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๗ อายุ ๑๐๑ ปี |
|
ข้อมูลพิเศษ |
|
* บุดดา เป็นภาษาไทยใหญ่ แปลว่า บุตรธิดา เอกลักษณ์ของหลวงปู่คือ การพาดสังฆาฏิลงมาจากบ่า |
|
|
ทั้งสองแล้วคาดผ้าทับที่รอบอกและการให้ผงแป้ง กระป๋องแก่ญาติโยมเป็นสิ่งมงคล |
ธรรมโอวาท |
|
...เกิดมาทำไมให้ต้องวนเวียน? หนีสิ หนีเกิด ไม่ต้องมาเกิด เกิดก็เป็นทุกข์ แก่ก็เป็นทุกข์ ตายก็เป็นทุกข์ อย่าได้ประมาทนิ่งนอนใจ |
|
|
อย่าได้ทิ้งเด็ดขาด อย่ามัวแบก ทุกข์อวิชากันอยู่เลย ให้เคารพศรัทธามั่นในโลกุตตรธรรมนะ..
...ธรรมะเป็นอย่างไร ธรรมะก็หนังแผ่นเดียวนะซิ จิตเดียวซิ กิเลสมันมาเป็นเจ้าของอวิชชา ตัณหาอุปาทานมันนึกว่าหนังของมัน เนื้อของมันตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของมัน ที่ไหนมันมาอาศัยเขาเกิดยังว่าของมันอีก...
...คนที่มันเขียนท้ายรถยนต์ ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ไอ้นั่นนะมันไม่รู้จัก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มันเอาข้อวัตรของมันมาเอากิเลสสอวด โอ่โธ่! พระพุทธเจ้าไม่ได้พูดอย่างนั้นให้พ้นจากทุกข์เกิดแก่เจ็บตายนั่นแหละจึงได้เข้าศาสนาถูก...
...อาหารทุกอย่งเป็นยาเลี้ยงเขาไป ตา เขาก็ไม่ได้ว่าเป็นของเขา หูก็ไม่ได้ถือเป็นเจ้าของ ลิ้นเขาไม่ได้ยึดถือเป็นลิ้นเขา เขาทำตามธรรมชาติไปอย่างนั้นเองธรรมชาติเขาก็ทำหน้าที่ธรรมชาติของเขาคือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปอย่างนั้นเอง อยู่บ้านอย่าติดบ้านนะ อยู่วัดอย่าติดวัดนะ อยู่ถ้ำอย่าติดถ้ำนะ ติดที่ไหนเป็นกิเลสที่นั่น...
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|